การดูการวิเคราะห์ Instagram จะช่วยให้เจ้านายเข้าใจว่าวิธีการทำงานของแพลตฟอร์มนั้นเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การตลาดโดยรวมและยังช่วยเปิดทางให้เจ้านายพัฒนาต่อเติมธุรกิจด้วยแพลตฟอร์มโซเชียลอันทรงพลังนี้ด้วยล่ะครับในแนวทางของการแนะนำนี้ หมาน้อยจะมาอธิบายให้ฟังว่าทำไมการวิเคราะห์ Instagram ถึงเป็นสิ่งสำคัญและหมาน้อยจะพาเจ้านายไปตรวจสอบรายละเอียดตัวเลือกของการวิเคราะห์ทั้งหมดที่มี หมาน้อยจะชี้ให้ดูว่าข้อมูลไหนสำคัญที่สุดสำหรับเป้าหมายของธุรกิจ และนั่นจะทำให้เจ้านายรู้ว่าควรโฟกัสความสนใจไปที่ไหนพร้อมไหมครับ งั้นมาเริ่มกันเลย
ทำไมถึงต้องใส่ใจการวิเคราะห์ Instagram ด้วยโปรไฟล์ของธุรกิจใน Instagram ที่มีมากถึง 25 ล้านกว่าเจ้าทั่วโลก และในทุก ๆ วันบรรดาผู้ใช้ Instagram ที่มีมากกว่า 200คนจะเข้าไปเยี่ยมชมโปรไฟล์เหล่านี้อย่างน้อยสักหนึ่งโปรไฟล์ ทำให้เห็นได้ชัดว่าธุรกิจเหล่านี้กำลังหามูลค่าจากแพลตฟอร์มของการโฆษณานี้ การที่เจ้านายใช้เวลาโพสต์บนแพลตฟอร์มเหล่านี้ก็สามารถเสียเปล่าได้นะครับถ้าเจ้านายยังไม่รู้ว่าใครบ้างที่เข้ามาดูโปรไฟล์หรือโฆษณาของของเรา โพสต์และStoryของเรามีการดำเนินการอย่างไร และอะไรคือตัวสร้างคุณค่าให้บัญชีของเราจริง ๆ • กำหนดเป้าหมายกลุ่มผู้ชมผิด นี่เป็นเพียงแค่ลิสต์สั้น ๆ ของสิ่งที่เจ้านายสามารถทำให้มันดีขึ้นได้ถ้าเจ้านายมีการศึกษาข้อมูลบน Instagram ลึกลงไปอย่างสม่ำเสมอ โดยข้อมูลที่เจ้านายรวบรวมมานั้นจะช่วยปรับปรุงวิธีใช้แพลตฟอร์มของตัวเองให้ดีขึ้น ด้วยเหตุนี้จะส่งผลให้เจ้านายสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจของตัวเองได้ ทำให้ Instagram เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของกลยุทธ์การตลาดออนไลน์เลยล่ะครับ ไม่ต้องกังวลไปครับ มาขุดข้อมูลลึกลงกันดีกว่า!
การวิเคราะห์ Instagram โปรไฟล์ การวิเคราะห์โปรไฟล์เป็นสิ่งที่เจ้านายเข้าผ่านหน้า “My Profile” ของตัวเองได้โดยตรงในขณะที่โพสต์ของเจ้านายดำเนินอยู่ ในหน้านี้จะโชว์ให้เจ้านายเห็นข้อมูลเชิงลึกสำหรับระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ เจ้านายอาจเคยดูข้อมูลเชิงลึกในโปรไฟล์ของตัวเองมาก่อน แต่บางทีอาจยังเคยขุดลึกลงไปดูถึงตัวชี้วัด • การแสดงผล(Impressions): จำนวนครั้งที่โพสต์ของเจ้านายถูกดูในช่วงเวลาหนึ่ง การวิเคราะห์ผู้ชมของ Instagram ใครล่ะที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของเจ้านาย หมาน้อยกล้าพนันได้เลยว่าเจ้านายกำลังคิดถึงกลุ่มผู้ติดตามที่เจ้านายกำลังเสาะหา แต่กลุ่มคนเหล่านี้สอดคล้องกับคนที่มองเห็นและมีปฏิกิริยาโต้ตอบกับโพสต์บน Instagram ของเจ้านายหรือเปล่า โชคดีที่ส่วนของการวิเคราะห์ Instagram ทั้งหมดสามารถแจ้งเกี่ยวกับผู้ชมของเจ้านายได้ นี่คือปัจจัยหลักที่ต้องเจ้านายต้องให้ความสนใจ สถานที่ยอดนิยม(Top locations) : ข้อมูลนี้จะเปิดให้เจ้านายเห็น Top5 ของเมืองและประเทศที่เป็นที่ตั้งของบรรดาผู้ติดตาม ช่วงอายุ(Age range) : ผู้ติดตามของคุณอายุเท่าไรกันบ้างนะ Instagram มีวิธีแบ่งช่วงอายุง่าย ๆ ดังนี้ 13-17, 18-24, 25-34, 35-44,45-54, 55-64, 65 ขึ้นไป เพศ(Gender) : แบ่งเป็นเพศชาย เพศหญิง เวลาของผู้ติดตาม(Follower hours) : เป็นสถิติที่เป็นประโยชน์มากที่จะแสดงให้เห็นว่าผู้ติดตามของเจ้านายใช้งาน Instagram เฉลี่ยในช่วงเวลาใดของวัน วันของผู้ติดตาม(Follower days) : นี่ก็เป็นสถิติที่ประโยชน์เช่นกัน เพราะแสดงวันที่ผู้ติดตามของเจ้านายมีความเคลื่อนไหวมากที่สุดในหนึ่งสัปดาห์ การวิเคราะห์โพสต์รายบุคคล เมื่อเจ้านายสร้างโปรไฟล์ของตัวเองและได้รับการเคลื่อนไหวจากกลุ่มผู้ชมที่เหมาะสมแล้ว เจ้านายต้องการเจาะลึกลงไปในส่วนของการวิเคราะห์โพสต์รายบุคคล เพื่อดูว่าข่าวสารหรือข้อความนั้นสะท้อนต่อผู้ชมของเจ้านายอย่างไร นี่คือวิธีที่เป็นประโยชน์หากต้องการดูว่าเนื้อหาที่เจ้านายป้อนไปนั้นทำงานได้ผลต่อกลุ่มผู้ชม นี่คือสถิติสำหรับโพสต์รายบุคคล การมีปฏิสัมพันธ์(Interactions) : คือปฏิกิริยาตอบโต้ที่ถูกดำเนินการโดยตรงจากโพสต์ของเจ้านาย ไม่ว่าจะเป็นการเยี่ยมชมโปรไฟล์ Hyperlink การกดโทรหรือส่งอีเมล์จากโพสต์ของเจ้านาย การเคลื่อนไหวเหล่านี้จะถูกติดตามและบันทึกไว้ การค้นพบ(Discovery) : ใครก็ตามที่เสพติดการใช้ Instagram เหมือนหมาน้อยอาจเคยค้นพบคุณสมบัติเหล่านี้มาก่อน สิ่งนี้จะเปิดให้เจ้านายค้นหาเนื้อหาใหม่ ๆ จากบัญชีของตัวเองที่อาจไม่ได้กำลังติดตาม และบัญชีธุรกิจของเจ้านายก็มีสิทธิที่จะปรากฏบนหน้านี้ด้วยเช่นกัน Instagram จะแจ้งจำนวนบัญชีต่าง ๆที่ไม่ได้ติดตามเราแต่ค้นหาเราผ่านคุณสมบัติการค้นพบ(Discovery)ให้เราทราบ การติดตาม(Follows) : มีผู้ติดตามที่เจ้านายได้มาจากโพสต์ของตัวเองกี่คน การบรรลุผล(Reach) : จำนวนบัญชีผู้ใช้ที่ไม่ซ้ำกันที่ถูกโพสต์ไปถึง การแสดงผล(Impressions) : จำนวนครั้งทั้งหมดที่โพสต์ถูกดู Instagramได้แยกประเภทเพื่อให้ดูว่าโพสต์เหล่านี้ถูกดูจากที่ใด บนแพลตฟอร์ม จากหน้าแรก จากแฮชแท็ก จากโปรไฟล์ จากอื่น ๆ การกดเซฟ(Saves) : จำนวนของบัญชีที่ไม่ซ้ำกันที่กดเซฟโพสต์ของเจ้านายลงไฟล์เก็บรักษาส่วนตัว การคอมเมนท์(Comments) : จำนวนคอมเมนท์บนโพสต์ของคุณการวิเคราะห์ Story บน Instagram ท้ายสุดแต่ไม่สุดท้าย เรามี Story บน Instagram ถ้าเจ้านายไม่โพสต์ Story เจ้านายจะพลาดโอกาสมากมาย คุณลักษณะของ Snapchat นี้ดูเหมือนจะสร้างความนิยมอย่างต่อเนื่อง และมันยังให้โอกาสอย่างอื่นแก่เจ้านายเพื่อนำแบรนด์ของเจ้านายออกสู่ผู้คนมากขึ้นหรือเพิ่มยอดผู้ชมได้ด้วยล่ะครับ นี่คือสถิติที่คุณสามารถตามดูได้จาก Story การแสดงผล(Impressions) : จำนวนครั้งที่ Story ของเจ้านายถูกดู การบรรลุผล(Reach) : จำนวนกลุ่มบัญชีที่ไม่ซ้ำกันที่มาดู Story ของเจ้านาย การกดออก(Exits) : จำนวนครั้งที่คนกดออกจากการดู Story ระหว่างที่ดูได้ครึ่งทาง การตอบกลับ(Replies) : จำนวนการตอบกลับรูปหรือวิดิโอบน Story ทั้งหมดของเจ้านาย ข้อมูลเชิงลึกของผู้คน(People insights) : การจัดลำดับบัญชีที่ดูองค์ประกอบเฉพาะของ Story ข้อมูลอะไรที่ควรติดตาม มีข้อมูลจำนวนมากมายบนการวิเคราะห์ Instagram ด้านล่างนี้จะเป็นเคล็ดลับบางอย่างสำหรับสิ่งที่เจ้านายควรโฟกัส ก่อนเจ้านายจะเริ่มการวิเคราะห์ข้อมูล เจ้านายต้องทราบถึงเป้าหมายโดยรวมสำหรับแพลตฟอร์มก่อนนะครับ กลยุทธ์ของเจ้านายสามารถขับเคลื่อนยอดผู้เข้าชมเว็บไซต์ได้หรือยัง บางที Instagram ของเจ้านายอาจถูกสร้างมาให้เป็นเหมือนชุมชนสำหรับบรรดาลูกค้าที่จะมาแชร์ไอเดีย หรือบางทีเจ้านายอาจสร้าง Instagram มาเพื่อเพิ่มการจดจำแบรนด์ในกลุ่มเป้าหมายผู้ชม เจ้านายสามารถมีเป้าหมายต่าง ๆ ที่แตกต่างกับบนบัญชีของตัวเอง บางโพสต์อาจถูกตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการจดจำ ในขณะที่โพสต์อื่นพยายามขับเคลื่อนยอดขาย เจ้านายจำเป็นต้องรู้ว่ากำลังมองหาอะไรสำหรับการใช้การวิเคราะห์ Instagram เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง
นี่คือเป้าหมายทั่วไปสามอย่างและตัววัดผลหลักสามตัวที่ใช้ติดตามผล #1: สร้างการจดจำแบรนด์ (New market) หรือปล่อยผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมา Instagram อาจเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการสร้างการจดจำแบนรด์ นี่เป็นเป้าหมายที่ดีสำหรับแพลตฟอร์มนี้เพราะดูเป็นไปได้ที่กลุ่มเป้าหมายจะอยู่ใน Instagram ที่ไหนสักแห่ง ตัววัดผลที่คุณต้องมุ่งเน้น จำนวนผู้ติดตาม(Follower count) : การเติบโตของผู้ติดตามจะสอดคล้องกับการเติบโตของการที่ผู้คนจดจำแบรนด์ได้ การแสดงผล(Impressions) : ยิ่งผู้คนเห็นโพสต์และ story ของเจ้านายมากเท่าไรก็ยิ่งดี ถ้าเจ้านายกำลังมองหาการสร้างความเติบโตในการจดจำแบรนด์ ก็ควรทำให้มั่นใจว่าโพสต์, Story และการแสดงผลบนบัญชีมีการเติบโตขึ้นด้วยเช่นกัน การบรรลุผล(Reach) : การบรรลุผลนั้นตามผลจากจำนวนของยอดเข้าดูโพสต์, Story และบัญชีของเจ้านาย ข้อแตกต่างระหว่างการแสดงผลและการบรรลุผลนั้น การบรรลุผลจะอิงจากบัญชีต่าง ๆ ที่ไม่ซ้ำกัน (ไม่ใช่บัญชีเดิมที่ดูโพสต์ของเจ้านายหลาย ๆ ครั้ง) เมื่อเกิดการจดจำแบรนด์การขยายการเข้าถึงก็เป็นสิ่งสำคัญ #2: สร้างยอดขาย นี่คือสามการวัดผลแรกที่ต้องคอยติดตาม การClickเว็บไซต์(Website clicks) : ในโฆษณา โพสต์ หรือ story ของเจ้านาย ดูเหมือนว่าเจ้านายกำลังพยายามปลุกระดมยอดคนดูเพื่อสร้างยอดขายหรือกรอกแบบฟอร์มบนเว็บไซต์ ติดตามจำนวนคนที่ทำสิ่งนี้จริง ๆ จะช่วยให้ทราบว่าสิ่งที่เจ้านายพยายามนั้นคุ้มค่าหรือไม่ การClickหรือส่งเมล(Call clicks/email clicks): การโทรเข้าหรือส่งเมลเป็นตัวบ่งชี้ที่ดีว่าจะก่อให้เกิดการสนทนา การเพิ่มจำนวนของจุดนี้เป็นสัญญาณว่ากำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ถูกต้อง ชั่วโมง/วัน ของผู้ติดตาม(Follower hours/days) : การให้ความสนใจว่าช่วงไหนที่ผู้ชมของเจ้านายมีส่วนร่วมมากกว่าปกติจะช่วยเจ้านายพัฒนาสถิติบน Instagram ของตัวเอง เจ้านายสามารถวางแผนเพื่อยิงโฆษณาเมื่อบรรดาสมาชิกผู้ชมกำลังใช้งาน Instagram เพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมในลำดับถัดมา #3: สร้างชุมชน ไม่มีที่ไหนที่สามารถสร้างชุมชนที่สามารถตอบโต้กันได้ดีกว่านี้อีกแล้ว ถ้านี่คือเป้าหมายหลักของเจ้านาย เจ้านายก็จำเป็นต้องตรวจสอบ ตอบสนอง และประเมินผลอย่างต่อเนื่องตามตัววัดผลดังนี้ การคอมเมนท์(Comments) : ชุมชนสนทนา มีวิธีไหนที่จะดีไปกว่าการมีบทสนทนาบนโพสต์ของตัวเอง วิธีนี้จะมอบโอกาสในการตอบสนองและมีส่วนร่วมกับสมาชิกในชุมชน หลักการง่าย ๆ อย่าเมินคอมเมนท์ การตอบกลับ Story(Story Replies) : หนึ่งในวิธีที่ยอดเยี่ยมที่จะประเมินผลว่าชุมชนของเรามีการเคลื่อนไหวอย่างไรบ้าง Story เป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมอันหนึ่งที่ถูกนำมาใช้ ถ้าเจ้านายกำลังพยายามที่จะสร้างการมีส่วนร่วมกับบรรดาผู้ติดตามเพื่อสร้างชุมชน การที่ผู้ชมใช้เวลาตอบกลับ story นั่นก็เป็นสัญญาณที่ดี การมีส่วนร่วม(Engagement) : สุดท้าย เมื่อเกิดการสร้างชุมชนการมีส่วนร่วมก็คือตัววัดความวิกฤติ การคอยตามผลการมีส่วนร่วมในโฆษณา โพสต์ โปรไฟล์ และStory จะทำให้เจ้านายมั่นใจว่างานของเจ้านายกำลังมุ่งไปสู่เป้าหมาย
ถ้าเจ้านายไม่ประเมินการวิเคราะห์ Instagram เป็นประจำ จะส่งผลให้
• โพสต์บ่อยเกินไป (หรือไม่บ่อยพอ)
• ดึงกลุ่มคนที่ไม่เกี่ยวข้องมาที่เว็บไซต์
• เกิดการเคลื่อนไหวของการโทรเข้ามาจากโฆษณาที่ใช้แค่ครั้งเดียว!
• ไม่มีคนกล่าวถึง ส่งผลให้พลาดโอกาสในการร่วมหุ้นส่วนในอนาคต
• โพสต์ในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมของวัน
• พลาดโอกาสการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภคผ่าน Comment หรือ Story
มาลองดูกันครับว่าเจ้านายสามารถเข้าถึงอะไรได้บ้าง
• การมีปฏิสัมพันธ์(Interactions): จำนวนการเคลื่อนไหวการกระทำบนบัญชีของเจ้านาย
• การบรรลุผล(Reach): จำนวนบัญชีผู้ใช้ที่ไม่ซ้ำกันที่เห็นโพสต์ของเจ้านาย
• การเยี่ยมชมโปรไฟล์(Profile Visits): จำนวนทั้งหมดของผู้เข้าที่กดเข้าชมโปรไฟล์ของเจ้านายตลอดทั้งสัปดาห์
• การกดเข้าชมเว็บไซต์(Website Clicks): จำนวนครั้งที่ผู้เยี่ยมชม Click ลิ้งค์ที่เชื่อมเข้าสู่เว็บไซต์จากหน้าเพจของเจ้านาย
• การโทรหรือส่งเมล(Call/email clicks): จำนวนครั้งที่ผู้เยี่ยมชม Click ปุ่มโทร หรือส่งอีเมล์จากหน้าเพจของเจ้านาย
• การกล่าวถึง(Mentions): จำนวนครั้งที่บัญชีของเจ้านายถูกกล่าวถึงโดยผู้ใช้คนอื่น
ถ้าเจ้านายยังเป็นบริษัทใหม่ที่กำลังมองหาการสร้างชื่อสำหรับตัวเองหรือธุรกิจของตัวเอง ลองเข้าไปที่การตลาดใหม่
(และความพึงพอใจต่อแบรนด์) ถ้ายอดผู้ติดตามเพิ่มขึ้นบนบัญชีใหม่ของเจ้านาย นั่นก็เป็นสัญญาณที่สะท้อนให้เห็นว่าแบรนด์ของเจ้านายกำลังก้องกังวาลบน Instagram บางวิธีที่เป็นประโยชน์ในการเพิ่มผู้ติดตามคือการยิงโฆษณาเกี่ยวกับสิ่งของนั้น ๆ การร่วมมือกับแบรนด์ที่เกี่ยวข้องกันบนแคมเปญที่ทำร่วมกัน และการจัดการประกวดที่สามารถปลุกระดมผู้คนให้มาตามบัญชีหรือกดไลค์โพสต์ของเจ้านาย
นี่เป็นเป้าหมายทั่วไปของเหล่านักการตลาด ใครบ้างล่ะไม่อยากทำยอด มีสถิติมากมายที่เจ้านายมาสารถใช้เพื่อขับเคลื่อนยอดขายผ่าน Instagram
รวมไปถึงยิงโฆษณาใส่กลุ่มเป้าหมายและโพสต์ข้อเสนอพิเศษสำหรับผู้ติดตาม แต่จะวัดผลยังไงล่ะว่ามันสำเร็จ
Comments