fbpx

กลยุทธ์เพิ่มประสิทธิภาพโพสต์บนโซเชียลมีเดียเพื่อการเติบโต

Social Media Optimization (SMO) หรือ การเพิ่มประสิทธิภาพโซเชียลมีเดีย ช่วยให้เจ้าของธุรกิจ ผู้สร้างคอนเทนต์ และนักการตลาดโซเชียลมีเดียได้รับประโยชน์สูงสุดจากสื่อสังคมออนไลน์

การทำความเข้าใจวิธีการทำ Social Media Optimization (SMO) อาจฟังดูยาก แต่ไม่ต้องหนักใจครับ เพราะวันนี้หมาน้อยได้รวบรวมกลยุทธ์ในการทำ SMO ง่ายๆ ไม่ต้องใช้การวิเคราะห์ที่นุ่งยาก ไม่มีคีย์เวิร์ดที่ซับซ้อน หรือไม่ต้องการความรู้ทางเทคนิคอะไรมากมาย ไปดูกันเลยครับ

11 เทคนิคการปรับใช้โซเชียลมีเดียอย่างง่าย

Social Media Optimization คืออะไร?

Social Media Optimization เป็นกระบวนการปรับปรุงโพสต์ทางโซเชียลมีเดีย (หรือกลยุทธ์ทั้งหมดของโซเชียลมีเดีย) เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น เช่น การเติบโตของผู้ติดตามที่เร็วขึ้น ระดับการมีส่วนร่วมที่สูงขึ้น การคลิก หรือการเปลี่ยนเป็นลูกค้าที่มากขึ้น เป็นต้น

Social Media Optimization ต้องใช้เทคนิคและยุทธวิธีต่างๆ มากมาย ซึ่งแตกต่างกันไปตามขอบเขตและความซับซ้อน

  • การปรับปรุงพื้นฐานในระดับโพสต์ของบุคคล เช่น การถามคำถามที่น่าสนใจในคำบรรยายโพสต์ หรือเลือกภาพที่น่าสนใจจนคนสามารถหยุดดูได้
  • การปรับปรุงระดับสูง เช่น เปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่ให้กับแบรนด์ของตัวเองบนโซเชียลมีเดีย

แต่ไม่ว่าจะเป็นวิธีใด SMO ก็ต้องอาศัยการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ, การวิจัยกลุ่มเป้าหมายและคู่แข่ง, และ/หรือความเข้าใจที่รวบรวมผ่านการเก็บข้อมูลของผู้บริโภคในโซเชียลมีเดีย ซึ่งเป็นโอกาสที่เจ้านายจะได้วิเคราะห์และปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การตลาดบนโซเชียลมีเดียให้ดีขึ้น

ประโยชน์ของการทำ Social Media Optimization (SMO) 

นี่คือสิ่งที่กลยุทธ์ SMO สามารถให้เจ้านายได้ในโซเชียลมีเดีย

  • สร้างตัวตนในโลกออนไน์ของเจ้านายให้แข็งแกร่ง
  • ช่วยให้เจ้านายได้เชื่อมต่อและมีส่วนร่วมกับกลุ่มเป้าหมายในระดับที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
  • เพิ่มการรับรู้แบรนด์บนโซเชียลมีเดีย
  • เพิ่มการเข้าถึงบนโซเชียลมีเดีย
  • ปรับปรุงคุณภาพความเป็นผู้นำของเจ้านายบนสื่อโซเชียลมีเดีย
  • ทำให้เจ้านายขายสินค้าและบริการได้มากขึ้นผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย

11 เทคนิคการทำ SMO ง่ายๆ เพื่อการใช้โซเชียลมีเดียให้คุ้มค่า 

ถ้ามองผ่านๆ การแสดงตัวตนบนโซเชียลมีเดียของแบรนด์อาจดูเหมือนง่ายดาย

แต่จริงๆ แล้วมีหลายอย่างเกิดขึ้นหลังฉากเพื่อให้แน่ใจว่าบัญชีโซเชียลมีเดียถูกใช้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

1.โพสต์ให้ถูกเวลา

การจะเข้าถึงคนกลุ่มใหญ่ในโซเชียลมีเดีย นอกจากเจ้านายจะต้องโพสอย่างสม่ำเสมอแล้ว ยังต้องโพสต์ให้ถูกเวลา ซึ่งหมายถึงช่วงเวลาที่กลุ่มเป้าหมายของเจ้านายมีแนวโน้มที่จะมีส่วนร่วมมากที่สุดด้วย

การหาเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการโพสต์บนโซเชียลมีเดียนั้นอาจเป็นเรื่องยากถ้าลงมือทำเอง แต่โชคดีที่มีคนวิเคราะห์มาให้เราแล้ว ซึ่งช่วงเวลาสำหรับการโพสต์บนโซเชียลมีเดียโดยรวมที่ดีที่สุด คือ  เวลา 10.00 น. ในวันอังคาร วันพุธ และวันพฤหัสบดี

แต่อย่าลืมว่านี่คือคำแนะนำทั่วไป สิ่งที่เหมาะกับเพจโซเชียลมีเดียและกลุ่มเป้าหมายของแต่ละแบรนด์อาจแตกต่างกัน

  1. ขัดเกลา Bio ให้สวยงาม

Bio หรือ ประวัติของเราบนโซเชียลมีเดียเป็นหนึ่งในสิ่งแรกๆ ที่ผู้เยี่ยมชมหรือผู้ที่มีแนวโน้มจะเป็นลูกค้าจะได้เห็นเมื่อเข้าไปไปที่หน้าโปรไฟล์ของเจ้านาย ในส่วน Bio จึงจำเป็นต้องได้รับขัดเกลาให้มากที่สุด ข้อมูลสำคัญที่ควรจะมี ได้แก่

  • แนะนำว่าเป็นใคร
  • แนะธุรกิจว่าเกี่ยวกับอะไร
  • เจาะลึกไปอีกว่าทำอะไร
  • หัวข้อที่สนใจ
  • โทนของแบรนด์
  • วิธีการติดต่อ

เจ้านายอาจต้องการพิจารณาใส่คำกระตุ้นการตัดสินใจ หรือ  call to action (CTA) ไว้ในประวัติเพื่อกระตุ้นให้ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมคลิกลิงก์ไปยังเว็บไซต์ ร้านค้าออนไลน์ หรือหน้า Landing Page ของตัวเอง ที่สำคัญ อย่าลืมที่จะเปลี่ยนลิงก์ใน bio เป็นประจำด้วยข้อมูลข้อมูลล่าสุดของคุณ, คอนเทนต์ที่มีคุณภาพสูงสุด หรือหน้า Landing Page สำคัญที่จำเป็นต้องใช้เพื่อเพิ่มปริมาณการเข้าชม

  1. เพิ่มประสิทธิภาพลิงก์ด้วย UTMs

ดังที่หมาน้อยได้กล่าวไปแล้วข้างต้น การทำ SMO มักจะใช้ลิงก์เพื่อนำผู้เข้าชมไปสู่หน้าเว็บไซต์ที่สามารถมีส่วนร่วมกับแบรนด์ต่อไปได้ เพราะวิธีนี้เป็นสิ่งสำคัญในการเพิ่มปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ เนื้อหา หรือหน้า Landing Page ได้

การเพิ่มประสิทธิภาพลิงก์เป็นส่วนสำคัญในการทำให้เจ้านายได้รู้ว่าผู้ชมมีส่วนร่วมกับลิงก์ที่เจ้านายกำลังแชร์อย่างไรบ้าง และยังช่วยให้เจ้านายได้เห็นว่าโพสต์ไหนที่ดึงดูดการเข้าชมจากลิงก์ได้มากที่สุดและโพสต์ไหนที่ไม่ได้ผล ซึ่งเจ้านายสามารถติดตามที่มาของการเข้าชมเพจหรือเว็บไซต์ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายด้วยการเพิ่ม UTM ลงในลิงก์ที่ใช้โพสต์

(UTM คือ ชุดข้อความที่ช่วยในการตรวจสอบว่า มีคนคลิกลิ้งค์มาจากช่องทางไหน เช่น facebook, google, instagram เป็นต้น)

  1. เช็คให้แน่ใจว่ารูปภาพมีขนาดที่เหมาะสม

ภาพลักษณ์ของแบรนด์เป้นสิ่งสำคัญ ดังนั้นดูให้แน่ใจว่ารูปภาพที่เจ้านายใช่ดูเป็นมืออาชีพ สวยงาม และที่สำคัญที่สุดคือมีขนาดที่เหมาะสม เพราะคงไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าการที่ลูกค้าเข้าไปดูโปรไฟล์ร้านค้าแล้วมีแต่ภาพที่ไม่ชัดหรือไม่ได้สัดส่วนจนกดออกแทบไม่ทัน

อย่างน้อยที่สุดควร ตรวจสอบให้แน่ใจว่ารูปโปรไฟล์เป็นภาพความละเอียดสูง รายละเอียดที่ต้องการสื่อไม่ได้โดนครอบตัดมากเกินไป ภาพที่ใช้ควรสื่อถึงแบรนด์และแสดงถึงธุรกิจอย่างชัดเจน (ควรเป็นโลโก้บริษัท)  และต้องให้รูปโปรไฟล์สอดคล้องกันในทุกช่องทางโซเชียลด้วย เพราะนี่เป็นสิ่งที่สำคัญที่จะช่วยให้ผู้ชมจดจำแบรนด์ได้

  1. โพสต์ในจำนวนที่เหมาะสม

ถ้าเจ้านายไม่อยากทำให้ผู้ชมรำคาญด้วยการโพสต์แบบไม่หยุดหย่อน หรือไม่อยากถูกลืมท่ามกลางกองคอนเทนต์มากมายด้วยโพสต์ที่น้อยเกินไป จำนวนการโพสต์บนโซเชียลมีเดียที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการกระตุ้นให้ผู้ชมมีส่วนร่วมและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับแบรนด์ ลองใช้ข้อมูลนี้เป็นแนวทางกันครับ

  • Instagram: 3-7 โพสต์ต่อสัปดาห์
  • Facebook: 1-2 โพสต์ต่อวัน
  • Twitter: 1-5 ทวีตต่อวัน
  •  LinkedIn: 1-5 โพสต์ต่อวัน

เจ้านายสามารถใช้ปริมาณการโพสต์จากด้านบนมาลองปรับใช้เพื่อค้นหาปริมาณการโพสต์ที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุดได้

  1. ทบทวนกลยุทธ์โซเชียลมีเดีย

ใช้ประเด็นต่อไปนี้ทบทวนกลยุทธ์โซเชียลมีเดียที่ใช้ในปัจจุบันว่า SMO ที่เจ้านายใช้อยู่ส่งผลในทางบวกหรือลบอย่างไรและควรปรับปรุงหรือไม่

  • เจ้านายบรรลุเป้าหมายและวัตถุประสงค์ด้วยกลยุทธ์นั้นหรือไม่?
  • เป้าหมายทางโซเชียลมีเดียยังคงสอดคล้องกับกลยุทธ์การตลาดโดยรวมหรือไม่?
  • คุณโพสต์เนื้อหาถูกประเภทหรือไม่? ตัวอย่างเช่น รูปภาพ วิดีโอ ข้อความเท่านั้น หรือทั้ง 3 อย่างรวมกัน? (หมาน้อยคำแนะนำให้เจ้านายให้ความสำคัญกับทั้ง 3 ประเภท!)
  • โพสต์โดนใจผู้ชมหรือไม่?
  1. ให้ความสำคัญกับผู้ชมหรือกลุ่มเป้าหมายเสมอ

ผู้ชม ผู้ติดตาม แต่ละกลุ่มไม่เหมือนกัน ใช้เวลาค้นหาข้อมูลประชากรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพคอนเทนต์ในโซเชียลมีเดียให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ

เช่น หากเจ้านายกำหนดเป้าหมายเป็นคนอังกฤษ เจ้านายก็ต้องใช้วิธีการพูดหรือการแบบคนอังกฤษ หรือถ้ากลุ่มเป้าหมายคือคนในอเมริกา ก็ต้องไม่ให้โพสต์ในเพจใช้ภาษษาในแบบอังกฤษมากเกินไป เป็นต้น

  1. ปรับปรุงบัญชีผู้ใช้ให้ค้นหาง่าย

ด้วยการใช้หลักการ SEO เลือกคีย์เวิร์ดสำคัญของแบรนด์ และเพิ่มเข้าไปในโพสต์โซเชียลหรือใช้เป็ยแฮ็ชแท็กเพื่อเพิ่มตัวตนในโลกออนไลน์ ทำให้เพิ่มการเข้าถึงและการค้นหาแบบออร์แกนิกจากเสิร์ชเอนจิ้นต่างๆ แต่กลยุทธ์นี้ไม่จำเป็นต้องใช้กับทุกโพสต์ ให้เลือกโพสต์ที่สำคัญ บางโพสต์ที่ใช้เพียงเพื่อสื่อสารหรือประกาศข่าวสารต่างๆ กับผู้ติดตามก็อาจจะไม่ต้องใช้ใส่คีย์เวิร์ดลงไปก็ได้

  1. ใช้ชื่อที่สอดคล้องกับสิ่งที่ทำ

Username ในโซเชียลมีเดียโดยเฉพาะธุรกิจจะต้องบ่งบอกตัวตนอย่างชัดเจนว่าเป็นใครและทำอะไร และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือชื่อนั้นต้องเหมือนกันในทุกแพลตฟอร์มเพื่อให้ผู้ติดตามจำง่ายไม่สับสน

  1. เขียนพาดหัวและคำบรรยายที่น่าสนใจ

ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นนักเขียนได้ และสำนวนภาษาที่ใช้ในแต่ละแพลตฟอร์มก็ไม่เหมือนกัน เช่น คำที่เหมาะกับ Twitter อาจไม่เหมาะกับ TikTok อีกทั้งยังต้องคำนึงถึงสิ่งสำคัญอย่างการรักษาความเป็นตัวตนของแบรนด์ตลอดทุกโพสต์ และยังต้องค้นหาจุดที่เหมาะสมระหว่างการพูดคุยสื่อสารและการส่งเสริมการขาย เพราะฉะนั้นเจ้านายอาจจะต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านการเขียนคำโฆษณาหรือผู้เชี่ยวชาญด้านโซเชียลมีเดียเพื่อช่วยคิดเพื่อให้ได้โพสต์ที่น่าสนใจและมีคุณภาพ

  1. เพิ่มแท็กในโพสต์

ถ้าโพสต์ของเจ้านายมีการระบุถึงแบรนด์อื่นหรือลูกค้า ให้แท็กบุคคลเหล่านั้นด้วย เพราะนอกจากจะทำให้เพิ่มการเข้าถึงจากผู้ติดตามของแบรนด์หรือบุคคลนั้น ก็ยังทำให้แบรนด์ดูเฟรนด์ลี่ ดูมีชีวิตชีวาจากการสื่อสารและมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น

และถ้าหากโพสต์ของเจ้านายมี User-Generated Content หรือ UGC ซึ่งหมายถึงคอนเทนต์ที่ลูกค้าพูดถึงแบรนด์ที่ประทับใจ การแท็กบุคคลที่เป็นเจ้าของคอนเทนต์ด้วยก็จะทำให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าได้

 

smo คือ, smo ย่อมาจาก, social media optimization คือ

Comments