และนี่ก็คือเกร็ดเล็กๆน้อยๆที่เกี่ยวกับรายได้โดยตรงจากยอดวิวของ Youtube
1. ความยาวของคลิปวิดีโอ
หากคลิปวิดิโอที่ยาวเกิน 10 นาที เจ้านายสามารถใส่โฆษณาเพิ่มได้ (mid-roll ad) ยิ่งใส่เยอะ คนดูเยอะ ก็จะได้รับเงินเยอะขึ้น (แต่หากใส่มากเกินไปก็จะน่ารำคาญและน่าเบื่อ)
2. ประเภทของโฆษณา
โฆษณามีทั้งประเภทที่ สามารถกดข้ามได้ และ กดข้ามไม่ได้
3. RPM คืออะไร
รายได้ต่อการแสดงผล 1,000 ครั้ง (RPM) คือเมตริกแสดงจำนวนเงินที่คุณได้รับเมื่อมีการดูวิดีโอ 1,000 ครั้ง RPM จะอิงตามแหล่งที่มาของรายได้หลายช่องทาง ซึ่งรวมถึงโฆษณา, การเป็นสมาชิกของช่อง, รายได้จาก YouTube Premium, Super Chat และ Super Stickers
RPM ช่วยให้เจ้านายเห็นจำนวนเงินที่ได้รับต่อการดู 1,000 ครั้งและช่วยให้เข้าใจประสิทธิภาพของการสร้างรายได้โดยรวม
4.CPM คืออะไร
ต้นทุนต่อการแสดงผล 1,000 ครั้ง (CPM) คือเมตริกที่แสดงจำนวนเงินที่ผู้ลงโฆษณาใช้เพื่อแสดงโฆษณาบน YouTube คุณจะเห็นเมตริก CPM ที่มีความแตกต่างกัน 2-3 รายการใน YouTube Analytics ดังนี้
- CPM: ต้นทุนที่ผู้ลงโฆษณาจ่ายสำหรับการแสดงโฆษณา 1,000 ครั้ง ระบบจะนับทุกครั้งที่มีการแสดงโฆษณา
- CPM ตามการเล่น: ต้นทุนที่ผู้ลงโฆษณาจ่ายสำหรับการเล่นวิดีโอที่มีการแสดงโฆษณา 1,000 ครั้ง
เจ้านายจะได้รับส่วนแบ่งรายได้จากผู้ลงโฆษณาเมื่อโฆษณาปรากฏบนวิดีโอของเจ้านาย ยิ่งผู้ลงโฆษณาจ่ายเพื่อแสดงโฆษณานั้นมากเท่าใด รายได้ของเจ้านายก็จะมากขึ้นตามไปด้วย CPM เป็นตัวบ่งชี้ที่ดีว่าผู้ลงโฆษณาคิดว่าวิดีโอและผู้ชมของเจ้านายมีคุณค่าเพียงใดต่อการบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจของตน
รายได้ของเจ้านายจะไม่เท่ากับ CPM คูณด้วยยอดดู เนื่องจาก CPM แสดงถึงต้นทุนที่ผู้ลงโฆษณาจ่าย ไม่ใช่รายได้ของเจ้านาย นอกจากนี้ อย่าลืมว่าการดูไม่ได้มีโฆษณาทุกครั้ง วิดีโอบางรายการจะไม่มีสิทธิ์แสดงโฆษณาเลย หากมีความไม่เป็นมิตรกับผู้ลงโฆษณา การดูวิดีโออื่นๆ อาจไม่มีโฆษณาเนื่องจากไม่มีโฆษณาที่ใช้ได้ในช่วงเวลานั้น การดูที่มีโฆษณาจะเรียกว่าการเล่นวิดีโอที่สร้างรายได้
5). RPM กับ CPM ต่างกันอย่างไร
- CPM คือต้นทุนต่อการแสดงโฆษณา 1,000 ครั้ง ก่อนหักส่วนแบ่งรายได้ของ YouTube
- RPM คือรายได้ทั้งหมด (หลังจากหักส่วนแบ่งรายได้ของ YouTube) ต่อการดู 1,000 ครั้ง
6). แบ่งรายได้กับ YouTube ยังไง
จากสัญญาของยูทูปก็คือ จำนวนรายได้ทั้งหมด เจ้านายได้ 55% ยูทูปได้ 45%
7). ยอดดู การแสดงโฆษณา และการเล่นวิดีโอที่สร้างรายได้โดยประมาณ
- ยอดดู: จำนวนครั้งที่ผู้ใช้ดูวิดีโอ
- การแสดงโฆษณา: จำนวนครั้งที่ผู้ใช้ดูโฆษณาหนึ่งๆ บนวิดีโอ
- การเล่นวิดีโอที่สร้างรายได้โดยประมาณ: จำนวนครั้งที่ผู้ใช้ดูวิดีโอที่มีโฆษณา
หากวิดีโอของเจ้านายมียอดดู 10 ครั้งโดยการดู 8 ครั้งมีโฆษณา หมายความว่าเจ้านายจะมียอดดู 10 ครั้งและการเล่นวิดีโอที่สร้างรายได้โดยประมาณ 8 ครั้ง หากจากการเล่นวิดีโอที่สร้างรายได้โดยประมาณเหล่านั้นมีอยู่รายการหนึ่งที่มีโฆษณา 2 รายการ เจ้านายก็จะมีการแสดงโฆษณา 9 ครั้ง
ทั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่าการดูทุกครั้งบน YouTube จะมีโฆษณา โดยการดูจะไม่มีโฆษณาในกรณีต่อไปนี้
- วิดีโอไม่เป็นมิตรกับผู้ลงโฆษณา
- มีการปิดโฆษณาหรือรูปแบบโฆษณาหนึ่งๆ สำหรับวิดีโอนั้น
- ไม่มีโฆษณาที่จะแสดงต่อผู้ชมที่ต้องการในช่วงเวลานั้น ผู้ลงโฆษณาเลือกกำหนดเป้าหมายอุปกรณ์ ข้อมูลประชากร และความสนใจที่เฉพาะเจาะจงได้ ซึ่งผู้ชมของเจ้านายอาจไม่ตรงกับการกำหนดเป้าหมายนี้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการกำหนดเป้าหมายที่ใช้ได้สำหรับโฆษณาวิดีโอ
- ปัจจัยอื่นๆ เช่น ประเทศของผู้ชม ผู้ชมดูโฆษณาล่าสุดเมื่อใด มีการสมัครใช้บริการ Premium หรือไม่ เป็นต้น
ด้วยเหตุนี้ เจ้านายจึงมีแนวโน้มที่จะมียอดดูมากกว่าการเล่นวิดีโอที่สร้างรายได้โดยประมาณ
หมาน้อยหวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์แก่เจ้านายนะครับ
Comments